แน่นอนว่าร้านติ่น ไท่ ฟงเป็นร้านเป้าหมายของหลายคนที่มาเที่ยวไต้หวัน ถึงแม้มันจะเปิดที่ไทยแล้วก็ตามก็ต้องขอให้ได้ขอให้โดนต้นตำหรับสักครั้ง แต่เดี๋ยวก่อน! รู้หมือไร่ ว่าคนไต้หวันเองก็ชอบติ่น ไท่ ฟงไม่แพ้กัน ทุกสาขาช่วงเวลากินข้าวเที่ยงหรือข้าวเย็นนะเราจะเริ่มเห็นคนไปต่อคิวรอกินกันละ แล้วถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์...อื้อหื้ออ!!! แค่คิดก็ขอยกธงขาวละค่ะ จึงเป็นที่มาของภารกิจการตามหาร้านเสี่ยวหลงเปาในครั้งนี้
เนื่องจากวันก่อนเลิกเรียนแล้วเครียด(ข้ออ้างอ้วนชนิดเบสิค) อยากกินเสี่ยวหลงเปาอร่อยๆ จึงโทรไปหาน้องสาวคนดีคนเดิม(จากรีวิวบะหมี่งาดำ) ให้ออกมาเจอกันกลางทาง แต่ตัดสินใจหาที่กินไม่ได้สักที เข้า foursquare ก็มีแต่ติ่น ไท่ ฟงขึ้นมาคะแนนนำลิ่ว เลยเซิชเว็บอังกฤษซะเลย และแล้วเราก็พบกับร้านนี้!
(หาในเว็ปอังกฤษแล้วมาใส่ foursquare ใหม่มันเลยขึ้นให้)
รีวิวสูงเชียว มันเชื้อเชิญให้เราไปลองมาก! ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่านบาร์ญี่ปุ่นซึ่งเป็นจุดกลางระหว่างสถานีรถไฟฟ้าถึงสี่ป้าย ได้แก่ Zhongshan Station / Shuangliang Station / Xintian Temple Station / Songjiang Nanjing Station สามารถเลือกเดินมาที่ร้านได้ตามสถานีที่สะดวกเลยค่ะ แต่กานต์แนะนำว่าเดินใกล้สุดให้ลงสายสีแดง Zhongshan Station ทางออก 4 ค่ะ กานต์ปั่นจักรยาน(จักรยานเช่า U-Bike)มาจอดคืนตรงทางออกนั้นเหมือนกันค่ะ แล้วเดินตามแผนที่ข้างล่างไปประมาณ10นาทีก็ถึงเลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากจับโปเกม่อนจะเดินตรงไปทางสวนก่อนก็ได้นะ ไม่ว่ากัน อิอิอิ
เมื่อเดินมาถึงในย่านบาร์ญี่ปุ่นแล้วเราก็จะสังเกตุได้ว่ารอบตัวนั้นเต็มไปด้วยคนญี่ปุ่นจริงๆ ได้ยินคนคุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นเยอะกว่าจีนอี๊ก เพราะฉะนั้นใครได้ภาษาญี่ปุ่นมากินแถบนี้รอดแน่นอนค่ะเพราะเค้าพูดได้ทุกร้าน หน้าร้านสังเกตุง่ายมากค่ะ จะมีป้ายอันเบ้อเริ่มเขียนชื่อ Jin Din Rou อยู่อย่างเด่นสง่า แล้วก็มีครัวเปิดให้เห็นเค้ายืนทำเกี๊ยวกันอยู่ด้วยค่ะ
เห็นครัวเปิดแล้วน่ากินจนอดใจไม่ไหวเดินเข้าไปด้วยความมั่นใจ กลายเป็นว่าเดินเลยผู้จัดการไปเช๊ย เค้าบอกให้รอก่อนแป๊ปนึง ไอ้เราก็นึกว่าที่ไม่ว่างใจแป้วจะเดินออกไปหาร้านอื่นเพราะไม่อยากรอ แต่ผู้จัดการร้านเดินกลับมาเร็วมากแล้วบอกว่ารบกวนเดินขึ้นไปชั้นสองนะเพราะข้างล่างเต็มแล้ว
การจะเดินขึ้นไปชั้นสองต้องออกจากร้านมาก่อนค่ะแล้วเดินขึ้นบันไดห้องแถวที่อยู่ถัดไป แนะนำว่าถ้ามาลองขอเค้านั่งข้างบนเลยก็ดีค่ะ ไม่วุ่นวายดีแอร์เย็นกว่าข้างล่างด้วย ทางขึ้นจะดูน่ากลัวนิดนึงแต่พอเดินขึ้นมาแล้วก็จะเจอร้านชั้นสองตามรูปเลยค่ะ
(ลูกค้าส่วนมากเป็นคนญี่ปุ่นที่มากินข้าวกันหลังเลิกงานค่ะ)
เมื่อได้ที่นั่งแล้ว เราจะรอช้าอยู่ไย สั่งสิค่ะ! ดูเมนูกับโต๊ะรอบข้างแล้วอยากสั่งหลายอย่างมากเลยค่ะ ที่เห็นสั่งกันเยอะๆก็มีเสี่ยวหลงเปาลูกเล็ก 20 ลูก ข้าวผัดไข่กับกระดูกหมู แล้วก็เกี๊ยวกุ้งค่ะ คือตอนแรกเราก็สั่งสามอย่างนั้นแหละค่ะ แต่นั่งๆไปแล้วสำนึกได้ว่ามันจะเยอะไปสำหรับสองคนกินเลยตัดใจเอาเกี๊ยวกุ้งออกค่ะ ตอนไปกินไม่ทันได้อ่านรีวิวใน foursquare ให้ละเอียดว่าบางเมนูสามารถสั่งเค้าให้เอามาแค่ครึ่งเข่งได้ ที่ได้มาประดับกระทู้นี้ให้ทุกคนดูเลยมีแค่ข้าวผัดไข่กระดูกหมูหนึ่งจานกับเสี่ยวหลงเปาหนึ่งเข่งค่ะ
มันดูเหมือนจะน้อยนะคะแต่ว่ากินกันสองคนนี้อิ่มกำลังพอดีเลยค่ะ คิดถูกแล้วจริงๆที่ตัดเกี๊ยวกุ้งออก ไม่งั้นมีได้ช่วยกันกลิ้งกลับบ้านแน่ๆเลยค่ะ รถชาตินี้ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ อร่อยสมราคาแน่นอน แต่คราวหน้าคงไม่สั่งข้าวผัดแล้วหล่ะค่ะ มันอร่อยก็จริงแต่มาร้านเกี๊ยวดันสั่งข้าวผัด! เง้ออ... ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ สงสัยเพราะโต๊ะข้างๆกินข้าวผัดยั่วเราแน่เลย ตอนเดินออกจากร้านเห็นโต๊ะนึงดูดน้ำจากเกี๊ยวกุ้งซู้ดดๆแล้วสะเทือนใจเบาๆ
ราคาร้านนี้อยู่ที่ระดับที่ค่อนไปทางแพงนะคะ แต่ร้านสะอาดมากค่ะน่าจะเป็นเพราะส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นมาทานเลยใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ ที่ร้านนี้มี service charge 10% นะค่ะ เห็นแล้วนึกถึงเรื่องที่กระทู้พันทิปปฏิเสทเซอร์วิสชาร์จเลยค่ะ
สรุปคะแนน
รสชาติ : 8 / 10 การบริการ : 9 / 10 คุ้มค่าราคา : 8 / 10 ความสะอาด : 10 / 10 ความเร็ว : 6 / 10
วิธีสั่งอาหาร
ตามสัญญาค่ะ ร้านไหนไม่มีเมนูภาษาอังกฤษเรามีบริการแปลเมนูให้ค่ะ แต่เนื่องจากตอนไปไม่รู้ว่ามันสั่งครึ่งเข่งได้เลยไม่ทราบเหมือนกันว่าต้องสั่งยังไง ถ้าใครลองไปทานดูแล้วรู้วิธีรบกวนส่งข่าวมาบอกกันด้วยนะค่ะ เมนูก็ตามที่แปลไว้ให้เลยค่ะ ขอให้ทานให้อร่อยนะค้าาาา
ป.ล. ขออภัยจากใจเลยค่ะ นั่งแปลนานมากก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเบอร์ 24-25 มันคืออะไรจริงๆ ถ้าใครทราบรบกวนหลังไมค์มาบอกกันด้วยนะค่ะ XD