top of page

ทริปอยากจะไปก็ไป: ตอน เดินงงๆในตันซุ่ย

ปกติก็เข้าใจว่าเวลานัดเพื่อนเที่ยวเนี่ย นัดยาวๆไม่เคยได้ไปแต่นัดกะทันหันปุ๊ปมันจะเวิคทุกที แต่ก็ไม่คิดว่าจะชวนตอนสามสี่ทุ่มแล้วตื่นไปเช้าวันถัดมา ข้อมงข้อมูลอะไรก็สไลด์อากู๋ดูมั่วๆเลยค่ะ เน้นตรงไหนภาพสวยบรรยกาศน่าจะดีก็กวาดใส่ดาวใน google map ไว้ก่อน แล้ววันต่อมาก็ไปตามทางที่ดาวเอาไว้แบบจำไม่ได้ด้วยว่าที่มาร์คไว้มันคือที่ไหนบ้าง 555

ตันซุ่ย หรือ ตัมซุ่ย(Tamsui) คือสถาทีปลายทางของรถไฟฟ้าสายสีแดง เป็นสถานที่ที่แม่น้ำที่ตัดผ่านไทเปมาบรรจบรวมกันกับทะเล พูดง่ายๆก็คือปากอ่าวหรือเขตน้ำกร่อยก็ได้ค่ะ ที่นี่จึงกลายเป็นหนึ่งในที่เที่ยวแบบ one day trip สุดฮิตที่มักจะเห็นคนรีวิวกันบ่อยๆ คนที่มาตัมซุ่ยส่วนใหญ่จะแบ่งออกได้หลักๆสองกลุ่มค่ะ กลุ่มแรกคือมาเดินเที่ยวดื่มด่ำบรรยากาศและของกินที่หลากหลายริมแม่น้ำ กลุ่มที่สองคือคนสปอร์ตๆที่มาขี่จักรยานที่ทางเลียบแม่น้ำชมวิวทิวทัศน์ค่ะ

แต่วันที่พวกเราไปกลายเป็นว่าฟ้าฝนโคดจะเป็นใจให้ไปทะเลเลยค่ะ คือฟ้าครึ้มทั้งวันแถมฝนตกปรอยๆและหนักๆสลับกันเป็นช่วงๆ(ชวนกันไปนี้ไม่ได้คิดจะเช็คสภาพอากาศกันก่อนเล้ยย) แพลนตอนแรกคือไปถึงก็จะปั่นจักรยานเล่นนิดหน่อยให้ได้อารมณ์แบบได้มาปั่นละนะไรงี้ พอไปถึงก็เดินออกทางออก 1 แล้วตรงไปเช่า U-Bike ข้างตลาดกลางคืนเลยค่ะ

แล้วพอขี่ออกมายังไม่ถึง 5 นาทีฝนก็ตกเหมือนรอเรามา ช่างเป็นการต้อนรับกันได้อย่างซาบซึ้งใจ(ถ้าตกก่อนหน้านี้ก็จะไม่เช่าจักรยานอ่ะนะ) ตอนแรกแค่ตกปรอยๆเลยคิดว่าไม่เป็นไรละกันเดี๋ยวปั่นดูบรรยากาศร้านค้าข้างริมน้ำก่อนแล้วไปจอดคืนจักรยานที่ที่จอด U-Bike อีกจุดนึงละกัน แต่ก็เหมือนเดิมคิดอะไรเคยได้อย่างที่คิดไหมหล่ะ หึหึหึ ปั่นไปอีกนิดนึงฝนเริ่มลงเม็ดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆเลยต้องรีบปั่นกันน่าดูเลยค่ะ ความโชคร้ายกว่าคือสถานี U-Bike อีกจุดต้องปั่นขึ้นเนินค่ะ ถีบต่อไม่ไหวต้องเข็นขึ้นแล้วก็เกือบหาไม่เจอด้วย เพราะจุดจอดรถอันนี้คือเค้าเช่นโถงจอดรถของตึกบนเนินตามรูปข้างล่างเลยค่ะ

(สภาพท้องฟ้าอันสวยงามที่ต้อนรับเราค่ะ นี้ถ้าไม่ถ่ายติดคนกับต้นไม้นี้คงนึกว่าถ่ายแบบขาวดำ)

(สถานี U-Bike ที่เจอได้เพราะเค้ายังใจดีตั้งเครื่องไว้ข้างนอก)


คืนรถเสร็จปุ๊ปฝนหยุดก็ปั๊ป เย้! อัลไลจะประเสริฐขนาดนี้! สงสัยฟ้าคงอยากให้เราเดินมากกว่าปั่นจักรยานมั้งคะ พวกเราเลยปล่อยเลยตามเลย แต่ที่แปลกคือครั้งนี้ยืมจักรยานพอแตะบัตรคืนแล้วมันขึ้นว่าไม่เสียตังประหยัดไปคนละ5บาทค่ะ อิอิอิ สถานที่ที่ใกล้กับจุดคืนจักรยานที่สุดคือ Tamsui Red Castle ค่ะ เราจึงเดินขึ้นเนินตาม google map ไปซึ่งหลายๆคนก็น่าจะรู้ว่ามันเชื่อไม่ค่อยได้(รู้ก็ยังจะตามมันไปเนอะ) อันแผนที่น้านได้พาเราไปสัมผัสกับชีวิตผู้คนแถวนั้นได้อย่างดีเลยค่ะ ก็เลี้ยวไปเลี้ยวมาตามตรอกซอกซอยบ้านใครที่ไหนไม่รู้


ยังดีที่ตอนกำลังเลี้ยวกลับทางเดิมเหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆบอกให้เดินตรงไปพอดี เลยเดินเลาะๆตามบ้านเค้าต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็เดินดูสองข้างทางชิวๆไป บางบ้านก็เป็นปูนบางบ้านก็แซมอิฐแแดงก็แปลกตาดีนะคะ และแล้วหลังจากเดินหลงในบ้านคนอื่นประมาณสิบกว่านาทีในที่สุดเราก็เดินกันถึงยอดเนิน! กลายเป็นว่าไอ้ Red Castle เนี่ยคือร้านน้ำชาค่ะ รู้สึกโดนหลอกเบาๆแต่ข้างบนถือว่าสวยมากค่ะ ทั้งตึกเป็นอิฐแดงสไตล์ยุโรปส่วนที่นั่งและการตกแต่งออกแนวจีนหน่อยๆเข้ากันได้ดีเลยค่ะ เรื่องวิวนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะมองไปได้ไกลถึงแม่น้ำเลย ยังเสียดายว่าถ้ามาวันฟ้าโปร่งน่าจะถ่ายรูปได้สวยกว่านี้


พอเดินเที่ยวถ่ายรูปในร้านอาหารเค้าอย่างหน่ำใจแล้วก็หิวพอดี พวกเรายืนชั่งใจกันเเป๊ปนึงก่อนจะตัดสินใจได้ว่าร้านนี้มันมีความแกรนด์เกินไปเกรงใจเงินในกระเป๋าตังเลยชวนกันเดินลงไปหาอาหารกินที่ร้านค้าริมแม่น้ำ สรุปทางที่เราเดินมาปราสาทนั้นคือโค ตะ ระ อ้อมโลกเลยค่ะ เพราะถ้าเดินจากถนนหลักที่ขนานกันถนนริมแม่น้ำ มันจะมีทางเดินขึ้นบันไดไปไม่ถึงสองนาทีก็ถึงละค่ะ ถือว่าเราไปเดินสำรวจความเป็นอยู่บ้านเมืองเค้าละกันเนอะ

(ทางลงไปถนนหลักค่ะ แค่ลงบันไดไปก็จะพบเจอความศิวิไลซ์)


ถนนเส้นนี้เรียกว่า Tamsui Old Street ค่ะ ของกินร้านค้าเยอะแยะเลยค่ะ แล้วถ้าเดินทะลุเส้นนี้ไปอีกก็จะเป็นร้านค้าริมน้ำค่ะ ซึ่งเราหมายหมาดมุ่งมั่นมากมายว่าต้องไปกินของขึ้นชื่อของที่ตัมซุ่ยให้ได้ค่ะ สิ่งนั้นคือ "อาเก่ย" เป็นอาหารที่มีแค่ในเขตตัมซุ่ยเท่านั้นค่ะ ตามรีวิวแล้วเค้าบอกให้ไปหาร้านริมน้ำที่คนเยอะๆดูยุ่งๆ ร้านนั้นแหละคือที่แนะนำ แต่เพราะว่าคนรีวิวนั้นอ่านภาษาจีนไม่ออกเราเลยต้องตามล่าจากรูปที่เค้าถ่ายมา(แบบไม่เห็นป้ายร้าน) ความอเมซิ่งคือหลังจากที่เราเดินลงมาจากปราสาทแล้วเราเดินทะลุผ่าน Old street ตรงไปริมน้ำเลยค่ะ ร้านอยู่ซอยนั้นเลยพอดีเป๊ะ! (รีวิวของกินในตัมซุ่ยไปเจอกันได้ที่บทความ "พาตะลุยกินในตัมซุ่ย" นะคะ) พอกินเสร็จแล้วก็เดินเล่นชิวๆริมน้ำไปเรื่อยๆจนถึง Fort San Domingo ค่ะ


พอเดินไปถึง Fort San Domingo จะมีทางเข้าให้ไปซื้อตั๋วกับอีกทางเป็นเนินชันให้ขึ้นไปบนเขา พวกเราเลือกที่จะลำบากก่อนสบายค่ะ ปีนเนินเขาอันแสนชันขึ้นไปสิ่งแรกที่จะเจอก่อนเลยคือมหาวิทยาลัยอเลเตียอา(Aletheia University)ที่มาพร้อมกับโบสท์คริสต์อันสวยงาม ขึ้นเนินถัดมาอีกหน่อยจะเจอกับเขตที่เมื่อก่อนเป็นวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด แต่คนละอันกันกับที่อังกฤษนะคะที่นี่เป็นวิทยาลัยที่ก่อตั้งโดยชาวต่างชาติชื่อแม็คเคย์ หนึ่งในชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดที่มาอาศัยในไต้หวัน ในมหาวิทยาลัยมีสถาปัตยกรรมที่ขึ้นชื่ออยู่สองตึกคือตัวโบสถ์ที่ใหญ่ที่เราเจอตอนแรกที่เดินขึ้นเนินมากับตึกแดงใหญ่ติดบ่อน้ำ (แต่เอาจริงๆพอเจอตึกแดงอันหลังแล้วค่อนข้างผิดหวังเลยไม่ถ่ายรูปมาค่ะ)

(โบสถ์ของมหาวิทยาลัย)


เดินขึ้นเนินไปเสร็จจะมีถนนเรียบๆให้ตรงไปได้อีกค่ะ ถ้าเดินต่อไปเรื่อยๆก็จะถึงเป้าหมายหลักของเราค่ะ หนึ่งในที่ๆปักดาวไว้คือ Missionary House ค่ะ ดูในภาพรีวิวคือสวยมากเลยค่ะอารมณ์บ้านวินเทจหน่อยๆสีขาวล้วนไปหมด แต่กลับกลายเป็นว่าบ้านอันสวยงามน้านน...มันโดนทำเป็นร้านอาหารไปอีกหล่ะ ห้วย~!เสียดายสถาปัตยกรรมสวยๆมากค่ะ

(เดินตามทางมาเรื่อยๆจะเจอป้ายนี่อยู่ซ้ายมือค่ะ พวกเราเดินเลยไปเช๊ยย)


จากป้ายในภาพแรกถ้าเดินเข้ามา Missionary House จะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ ส่วนทางขวามือจะเป็นคอร์ทเทนนิสค่ะถ้าเดินลัดทางด้านนี้มาเรื่อยๆจะเจอของดีเยอะเลยค่ะ อิอิ ตึกเเรกที่จะเจอคือบ้านของแมคเคย์ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ด้านในของบ้านได้มีการจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ ชีวประวัติของเค้าน่าสนใจมากเลยนะคะ แนะนำให้ลองๆอ่านดูค่ะ


ถัดจากบ้านของแมคเคย์ก็จะเป็นตึกอิฐแดงอีกแล้วค่ะสองตึกติดกันเลย สองตึกนี้เป็นตึกเรียนค่ะเข้าไปไม่ได้แต่ข้างนอกถ่ายรูปได้ชิวๆเลยค่ะ เพราะถ้าเทียบกับตึกแดงอันที่ผ่านมาตรงนี้คือสวยกว่าเยอะเลยค่ะแถมไม่ค่อยมีคนเดินมาด้านนี้ด้วยโพสกันมันส์หยดเลยค่ะ 555 แต่ระหว่างโพสกันอยู่ฝนก็ตกหนักอีกแล้วค่ะเราเลยต้องวิ่งไปหลบที่คาเฟ่ตรงตึกสุดท้าย (รูปโบสถ์มหาวิทยาลัยที่เห็นข้างบนก็ถ่ายมาจากคาเฟ่ค่ะ) ขอแสดงความเห็นส่วนตัว ณ ตรงนี้เลยค่ะว่าคาเฟ่ร้านนี้แพงมากแถมรสชาติจัดอยู่โซนมาตรฐานค่ะ คือถ้าไม่ติดว่าต้องติดฝนไม่มีที่อื่นให้นั่งรอเนี่ยคงไม่เข้าหรอกค่ะสงสารกระเป๋าตังมาก

(ของตกแต่งในคาเฟ่ค่ะ)

หลังจากฝนหยุดเราก็เดินกลับลงไป Fort San Domingo กันค่ะ ที่นี่ต้องเสียค่าเข้าชม 60NT นะคะ แต่ถ้ามีบัตรนักเรียนไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยหรือบัตรจากโรงเรียนสอนภาษาเค้าก็ให้เข้าฟรีค่ะ ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญของไต้หวันซึ่งมีประวัติเกือบ 400 ปี แล้วก็เป็น...ตึกอิฐแดงอีกแล้วค่ะ 555 อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะข้างในสองตึกนี้มีอะไรให้ดูเยอะเลยค่ะ ตึกแรกที่จะเจอไม่มีป้ายอะไรเขียนไว้เยอะแต่ที่แน่ๆคือเป็นคุกค่ะ(มีห้องทรมานด้วยนะคะแต่เค้าล็อคไว้ไม่ให้เข้า) ตึกที่สองเป็นอดีตกงศุลค่ะเอาข้าวของอะไรออกหมดแล้วมีแต่เพลทข้อมูลกับข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อนตั้งโชว์เป็นนิทรรศการค่ะ

เดินเลาะมาเรื่อยๆจะเจออีกตึกนึงแยกออกมาค่ะ มุมกำแพงต้นไม้ด้านหน้าความจริงถ่ายรูปสวยมากเลยค่ะ แต่เพราะทางค่อนข้างแคบถ้าจะถ่ายทีนึงคือต้องรอคนเดินให้หมดก่อนหรือไม่ก็ระหว่างเราถ่ายจะมีคนยืนกดดันว่า'เมื่อไหร่ชั้นจะได้เดิน'แบบนี้ค่ะ ตึกนี้มีสองชั้นค่ะชั้นล่างเก็บไว้ในสภาพเดิมที่สุดเท่าที่ทำได้ มีเครื่องเรือน ข้าวของ เครื่องใช้วางไว้อย่างสวยงามเลยค่ะ เป็นเพราะว่าตึกนี้ตอนแรกออกแบบโดยชาวสเปนแล้วต่อมาได้รับการปรับปรุงโดยชาวดัตช์ทุกอย่างเลยดูเป็นยุโรปไปหมดค่ะ ส่วนชั้นบนนี้ไม่อยากจะพูดเลยค่ะกลัวจะเผลอสบทออกมา เรียกได้ว่าเป็นความอัปทศของสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เลยค่ะ เค้าได้เปลี่ยนข้างบนเป็นกิจกรรมมุ้งมิ้งให้ติดโพสอิทสารภาพรักไว้ทั่ว มีจุดให้ซื้อคอสเที่ยวคู่รักด้วยนะคะ คือถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับสถานที่หรือประวัติศาสตร์จะไม่ว่าเลยค่ะ แต่นี้ไม่เกี่ยวเล้ยยย สงสารและเสียดายมากค่ะที่เค้าทำแบบนี้กับสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานขนาดนี้ พูดง่ายๆคือชั้นสองเป็นสถานที่ให้เช่าทำกิจกรรมค่ะ

จากข้างบนมองวิวได้ค่อนข้างรอบด้านและกว้างขว้างนะคะ อาจจะมีต้นไม้รกๆบังบ้างเป็นบางจุดแต่ก็ดีกว่าโดนป่าคอนกรีทบังวิวละเนอะ

ขากลับพอมีเวลาเหลือเลยแวะไปดู Tamsui Art Gallery (TAG) หน่อยค่ะ TAGจะอยู่ถนนหลักในเมืองตอนเดินสุดทาง Tamsui Old Street จะมองเห็นชัดเลยค่ะ วันที่ไปโชคร้ายที่ไม่มีงานนิทรรศการอะไรเลยค่ะ ชั้นบนเลยปิดเปิดแค่สองชั้นซึ่งชั้นล่างก็เป็นร้านค้าส่วนข้างบนก็มีงานจัดแสดงแค่ห้องเดียวเองค่ะ สุดท้ายเลยไม่ได้ใช้เวลาอะไรตรงนี้มากแล้วไปเดินหาข้าวเย็นกินกันในตลาดกลางคืนค่ะ

(พอดีข้างหน้าตึกมีสามเสาค่ะเลยขอสักหน่อย อิอิอิ)

(ร้านข้าง art gallery ก็ต้องมีความอาร์ทตามๆกันไป)

และแล้วก็มาถึงสต็อปสุดท้ายละค่ะ เราเดินวกกลับมาที่ตลาดกลางคืนข้างสถานีรถไฟเพื่อหาอะไรกินกันค่ะ ของที่ตลาดกลางคืนนี้ราคาพอๆกันกับตลาดกลางคืนในเมืองแหละค่ะ บางอย่างแพงกว่าด้วยซ้ำ แต่เรื่องของกินนี้จัดว่าเริ่ดมากค่ะ ของขึ้นชื่อที่นี้มีหลายอย่างค่ะแต่ส่วนตัวชอบตังเม(น่าจะเป็นเพราะกินแล้วคิดถึงตังเมที่ไทย 555)

(เดินๆอยู่หันมาเจอร้านนี้ เอ๊ะทำไมคุ้นๆนะ 555)

พวกเรามีเวลาค่อนข้างจำกัดเพราะมาสายหน่อยเลยไม่มีเวลาเดินไปถึงตรง Tamsui's Lover Bridge อันเลื่องชื่อ แต่ก็นะมากันสองคนผู้หญิงถึงผู้หญิงจะไปให้มันได้อัลไล เชอะ! อะแฮ่ม อาการออกไปหน่อย ถ้าใครมีเวลาเรามีอีกหลายสถานที่แนะนำตามลิสนี้เลยนะคะ ถ้ากานต์มีเวลาอีกก็จะไปเก็บให้ครบเหมือนกันค่ะ ไว้ถ้าไปแล้วจะมาเม้าให้ฟังเนอะ

สถานที่แนะนำอื่นๆ:

  • Yuandao Guanyin Temple

  • Hobe Fort

  • Itteki Memorial House

  • Tamsui Fisherman's Wharf

  • New Taipei City Martyrs' Shrine

  • Shihsanhang Museum of Archaeology

  • Wuji Tianyuan Temple

  • Tamsui Lover's Bridge


You Might Also Like:
bottom of page